วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2551

พลังงานน้ำมันอาจหมดโลกอีก 40 ปี


British Petroleum บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของอังกฤษพยากรณ์ว่า น้ำมันจะหมดโลกภายใน 40 ปี ส่วนก๊าซธรรมชาติจะหมดลงภายใน 60 ปี ขณะที่ถ่านหินยังเหลือใช้ได้ถึง 220 ปี ถ้าคำทำนายนี้เป็นความจริง ..... "คุณ"จะทำอย่างไรกับเวลาที่เหลืออยู่ ?


รายงานจากสหประชาชาติ ชิ้นหนึ่ง ระบุว่า จำนวนประชากรโลกในอีก 50 ปีข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านคน จากปัจจุบันมีจำนวน 6,000 ล้านคน เฉพาะแค่ทวีปเอเชียเพียงแห่งเดียวจะมีจำนวนมนุษย์เพิ่มขึ้นถึง 5,500 ล้านคน จากปัจจุบัน 3,600 ล้านคน ทว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงของทวีปที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 60% ของโลกแห่งนี้ ก็คือ อัตราการความต้องการพลังงานของทวีปนี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราการขยายตัวของจำนวนประชากร เอเชียเป็นแหล่งตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจหลายแห่ง จีน ,อินเดีย และบางประเทศในอาเซียน อย่าง อินโดนีเซีย,เวียดนาม ล้วนเป็นตัวอย่าง ที่สะท้อนให้เห็น การขยายตัวของภาคเศรษฐกิจ ที่พุ่งทะยานราวกับติดจรวด และนั่น ... เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แหล่งพลังงานดั้งเดิมของโลก ที่มาจากซากฟอสซิล ต้องร่อยหรอไปในอัตราดับเบิ้ล ! แล้วประเทศไทยที่ต้องนำเข้าน้ำมันปีละ 8 แสนกว่าล้านบาท จะหา "แหล่งพลังงานใหม่"ที่ยั่งยืน มาทดแทน "น้ำมัน"ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักมาช้านานได้จากที่ไหน?
80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมัน 2551 เมื่อ 1 ปีก่อนแทบไม่มีใครเลยในธุรกิจน้ำมันที่คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบจะขึ้นไปถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2550 แม้แต่มอร์แกน สแตนลีย์ ยังทำนายว่าราคาจะลดลง แต่กลับกลายเป็นว่าราคาน้ำมันดิบได้สร้างจนสถิติใหม่ที่ 98.18 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนพฤศจิกายน ในปีที่ผ่านมา ! กระทั่ง เฟธไบรอล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(ไออีเอ) ยังกล่าวว่า "หากผมต้องบรรยายภาพราคาน้ำมันในปี 2550 มันก็เหมือนกับการเต้นรำบนน้ำแข็งแผ่นบางๆ" แม้มีความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า แต่นักวิเคราะห์หลายคน ก็ยังคาดการณ์ว่า การบริโภคน้ำมันทั่วโลกจะมีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่ง "ดีมานด์"ส่วนใหญ่มาจาก เอเชียและตะวันออกกลาง แต่นั่นจะทำให้ซัพพลายทั่วโลกตึงตัวไปอีก.... นักประมาณการราคาน้ำมัน กำลังนำบทเรียนจากปี 2550มา พิจารณาราคาน้ำมันในปี2551 และบทเรียนหนึ่งที่มีการพิจารณาคือ ความต้องการบริโภคทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจบุกเบิกและพัฒนาแท่นขุดเจาะน้ำมันแห่งใหม่ก็มีมูลค่าแพงกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้ผู้นำในวงการอุตสาหกรรมน้ำมันคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐจะมีราคาเฉลี่ยประมาณ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี 2551 จาก 71.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปี2550 นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวถึงแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกในปี 2551 ว่า จะยังคงผันผวนและแกว่งตัวขึ้นลงตามปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานน้ำมัน "ผมยอมรับว่าไทยเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก เพราะมีการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ 80-90% ที่ผ่านมาเราต้องเสียเงินปีละ 850,000 ล้านบาทถึง 1 ล้านล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องผูกพันกับเศรษฐกิจโลก ขณะที่คนไทย 63 ล้านคนมีการใช้พลังงานประมาณ 700,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง" เขาเชื่อว่า ทางออกของเรื่องนี้ก็คือ การหันมาใช้พลังงานทดแทนด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นเอทานอลหรือแก๊สโซฮอล์ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มาก อย่างภาคขนส่งมีการดัดแปลงสภาพรถยนต์และรถแท็กซี่ให้หันมาใช้ PG มากขึ้นเป็นต้น
ท่านทราบไหมว่าท่านเองใช้พลังงานในแต่ละวันอย่างประหยัดตามรอบพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราอย่างไรบ้าง มีการเริ่มความประหยัดในบ้านของเราเองหรือยัง ถ้ายัง ท่านก็อย่าหวังไปเลยว่าคนอื่นๆจะประหยัดพลังงานเหล่านี้แทนท่าน ง่ายๆที่ Sexycat จะขอตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง เริ่มที่ตัวเรา ครอบครัวเราก่อน เช่นการทำบัญชีว่าวันนี้เราเติมน้ำมันกีบาทกี่ลิตร แล้วนำมาคำนวณดง่ายๆว่าครบ1 เดือน เราหมดไปเท่าไหร่ บางท่านอาจตกใจ ว่าไม่น้อยเลยที่เราสูญเสียไปกับการเดินทาง
ขอขอบคุณ ทีมข่าวบัสสิเนสไทย วันนี้ Sexycat ขอให้ทุกคนโชคดีตลอดปี 2008

ไม่มีความคิดเห็น: